artical CBT.- การท่องเที่ยวโดยชุมชน

การตลาด CBT บ้านผาหมอน

สุรสิทธิ์  ดลใจไพรวัลย์

การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างการท่องเที่ยวของเมืองไทยที่กำลังเป็นที่รู้จักในมุมสังคมธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเกือบจะกลายเป็นสินค้าตัวใหม่สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวไปแล้ว

บ้านผาหมอนได้ผ่านกระบวนการทางด้านการตลาดที่มีกรอบจากงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย.สกว.เมื่อปี พ.ศ.2547 จากกรอบงานวิจัยวันนั้นชุมชนสามารถกำหนดทิศทางในการคัดกรองแสวงหาพันธมิตรทางการตลาดการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้มีความเหมาะสมต่อการดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนของตนเอง

กล่าวได้ว่า กรอบงานวิจัยที่ชุมชนค้นพบตนเองและสามารถกำหนดทิศทางการตลาดของตนได้โดยยึดหลักการบริหารงานแบบอยู่บนพื้นฐานขีดความสามารถของชุมชน โดยไม่มีต้องให้มีความซับซ้อนทางการบริหาร และไม่ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบตนเองและพันธมิตรทางการตลาด

ด้วยแนวทางและกรอบการบริหารการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้น เน้นให้ทุกคนในชุมชนมีสิทธิความเป็นเจ้าของร่วม ไม่ว่าจะด้วยทางตรงและทางอ้อมและชุมชนมีความเป็นสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมในการอยู่ร่วมกันในสังคม การจะนำไปสู่การพัฒนาอะไรก็ตามต้องอยู่ในครรลองของความคิดเห็นอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน และที่สุดต้องยึดบทข้อสรุปของชุมชนเป็นแนวทางการพัฒนา

การกำหนดทิศทางการตลาดการท่องเที่ยวนั้น มองไปที่คำว่า “คุณภาพ” เมื่อวางกรอบการตลาดให้มีคุณภาพแล้ว ก็ต้องกลับมามองขีดความสามารถของบุคลกรชุมชนว่าจะสามารถดำเนินให้เกิดความสอดคล้องกับว่า “คุณภาพ” ได้หรือไม่

ด้วยบริบทของชุมชนบ้านผาหมอนเป็นชาติพันธ์ชนเผ่าปกาเก่อญอ กรอบคำว่าคุณภาพจึงต้องมองลงลึกไปถึงรากฐานทางวัฒนธรรมว่าเราควรจะอยู่ในบริบทของการตลาดแบบคุณภาพเช่นไร จึงมีข้อเสนอแนะจากการเวทีงานวิจัยว่า เราควรให้เกิดความเป็นอิสระทางที่พักแบบส่วนตัว โดยให้ที่พักมีความเป็นตัวของตนเอง และให้ทีมบริหารชุมชนเข้าไปดูแลที่พักและกลุ่มนักท่องเที่ยว

จากนั้นก็มองหาพันธมิตรที่ดีความจริงใจต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอน ผู้ประกอบการธุระกิจการท่องเที่ยวต้องถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีกรอบการติการกฎระเบียบการบริหารการท่องเที่ยวเป็นทิศทางในการคัดสรรผู้ประกอบการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อการดำเนินกิจกรรมร่วมกับชุมชน

เมื่อได้ผู้ประกอบการแล้ว ทั้งคณะกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชนและผู้ประกอบการต้องมานั่งคุยกันว่าแท้ที่จริงแล้วความต้องการของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่บนพื้นฐานใด แล้วมากำหนดทิศทางของการตลาดว่าทั้งสองฝ่ายต่างต้องการคำว่าการตลาดให้มีคุณภาพนั้นอยู่ตรงไหน

กรอบขีดจำกัดของชุมชนคือ การเข้าไปถึงตลาดที่ต้องการนั้นจะยาก เพราะชุมชนขาดประสบการณ์ในการเข้าถึงตลาดหลายๆด้าน ถึงแม้ขั้นพื้นฐานชุมชนสามารถกำหนดทิศทางในการแสวงหาทางการตลาดด้วยตนเองได้ การเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการธุระกิจการท่องเที่ยวเป็นกลวิธีอีกทางหนึ่งที่เพิ่มความสามารถการเข้าถึงการตลาดของการเที่ยวโดยชุมชนได้

การตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนนั้นไม่ได้มีความหลากหลายเหมือนแหล่งเที่ยวทั่วไปว่าใครจะเข้ามาก็ได้ นักท่องเที่ยวที่มีคือจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่สนใจเรื่องการท่องเที่ยวแบบวิถีการท่องเที่ยวโยชุมชนจริงๆ นั้นคือ สนใจที่จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนในชุมชน ไม่ได้มองความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมเป็นหลักในการจะเข้ามาเที่ยวชมชุมชน เช่น การแต่งตัวแบบฉบับของชนเผ่า หมายความว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่มานั้นไม่ได้ยึดติดกับภาพคำว่าชนเผ่าต้องแต่งตัวแบบดั่งเดิมตลอดเวลา

กลุ่มตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนจะเป็นแบบครอบครัวที่เป็นชาวต่างชาติประเทศฝรั่งเศสเป็นหลัก 95 เปอร์เซนต์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายปานกลางถึงสูงเมื่อเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย และเป็นกลุ่มที่มาเที่ยวแบบระยะยาวไม่ต่ำกว่า 2-3 อาทิตย์ จะเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่เหนือจดใต้ อีสาน ตะวันตก เป็นกลุ่มที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม แบบวิถีไทยเป็นฐาน นอกจากนั้นจะเป็นคู่ฮันนี่มูนหลังจากแต่งงานก็จะมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทย

กลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้ที่มาจึงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการธุระกิจการท่องเที่ยวเป็นผู้ทำตลาดเองเป็นตัวกลางในการทำการตลาดให้ชุมชน ซึ่งปัจจุบันขีดความสามารถในการเข้าถึงการตลาดแบบข้ามทวีปนั้นชุมชนบ้านผาหมอนยังไม่สามารถไปถึงได้ เพราะด้วยบุคคลกรและนโยบายของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนของชุมชนเอง

อีกกลุ่มหนึ่งกำลังมาแรงและอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคตข้างหน้า คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งมีส่วนการแบ่งตลาดถึง 5 เปอร์เซนต์ แต่ละปีจะมีการสอบถามมาเพิ่มขึ้นตามกระแสที่กลุ่มนักท่องเที่ยวก่อนๆได้เล่าสู่กันฟังปากต่อปาก แต่ถึงกระนั้นชุมชนยังมีข้อจำกัดในขีดความสามารถการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยอยู่ ชุมชนจึงมิกล้าเปิดเผยตัวเองเข้าสู่สังคมอย่างเปิดเผยได้อย่างเต็มที่ เพราะด้วยชุมชนเน้นคำ “คุณภาพ” จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเพราะขีดความสามารถในการรองรับของชุมชนที่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมหลายๆด้านเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ของชุมชนเอง

ด้วยธรณีวิทยาบริบทของชุมที่เป็นภูเขาลำเนาไพร ประกอบกับนโยบายการท่องเที่ยวโดยชุมชนต้องการให้การท่องเที่ยวต้องมาเยือนอย่างเป็นมิตรและไม่ต้องการความวุ่นวาย จึงทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจึงอยู่ในกลุ่มของนักท่องเที่ยวแบบมาพักผ่อนทำกิจกรรมน้อยเป็นกลุ่มหลัก

ทั้งนี้มิได้หมายความว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวมีกำลังจ่ายน้อยไม่สามารถมาเที่ยวได้ ทุกกลุ่มสามารถมาเที่ยวได้ แต่ก่อนจะมาเที่ยวต้องถูกชุมชนคัดกรองอีกที โดยมีกฏระเบียบเป็นแนวทางให้คำอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง จึงทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการความยุ่งยากสามารถตัดสินใจได้ว่ามาหรือไม่อยากมาได้ในเวลาต่อมาได้

ด้วยคำว่า “คุณภาพ” ทำให้การตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอน จึงสามารถกำหนดทิศทางในการแสวงหาพันธมิตรผู้ประกอบการธุระกิจการท่องเที่ยวเองได้ สามารถคัดกรองกลุ่มนักท่องเที่ยวเองได้ในระดับหนึ่ง สามารถกำหนดนโยบายทิศทางการบริหารการจัดการกาท่องเที่ยวโดยชุมชนของตนเองได้ การตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านจึงมีกรอบป้องกันและมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สามารถมาเที่ยวได้ตามขีดความสามารถในการรองรับของชุมชนได้

แต่ก็ยังมีขีดจำกัดในการที่จะเข้าถึงการตลาดอยู่หากว่าชุมชนทำเอง จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนในระยะยาวอยู่ ซึ่งต้องมีการพัฒนาควบคู่ไปกับขีดความสามารถในการรองรับของชุมชน การตลาดในตอนนี้จึงต้องพึ่งพันธมิตรผู้ประกอบการภายนอกอยู่พร้อมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต้องค่อยให้ความรู้ก่อนเข้ามาเที่ยวในชุมชน การตลาดจึงเป็นสิ่งที่ท้าท้ายของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนต่อไประยะยาวในอนาคต

จุดเริ่มต้นของคำว่า”พันธมิตรการตลาด”

หากจะให้คำนิยามคำว่า “พันธมิตร” ก็คงหมายถึงพันธะที่เราต่างต้องเอื้อช่วยเหลือทำงานซึ่งกันและกัน เพื่อให้บรรลุไปในทิศทางที่เราต่างมุ่งหวังให้มันเกิด ไม่ว่าเราจะทำอะไรด้วยบนเหตุผลอันใดก็ตาม การเดินทางนั้นต้องมีจุเริ่มต้นของการก้าวไปข้างหน้า แต่การก้าวไปนั้นจะไปด้วยความราบรื่นหรือสดุจล้มลุกคลุกคลานไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยในสิ่งที่จะเกิด

ปลายปีพุทธศักราช 1 กันยายน 2547 หลังจากงานวิจัยไปได้สามเดือน ในหว่างที่ทีมนักวิจัยเดินไปประชุมอยู่นั้นกอยู่ๆก็มีรถยนต์คัยหนึ่งขับเข้าในชุมชนพร้อมกับชาวต่างชาติและไกดิ์นำทางคนหนึ่ง หลังจากรถจอดสนิทพร้อมกับการก้าวเท้าลงจากรถ ชาวต่างชาติคนดังกล่าวก็เดินเข้ามาหาหัวหน้าโครงการวิจัย และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมสนใจในโครงการสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ ไม่ทราบว่าจะขอเรียนรู้ด้วยได้ไหมครับ”

  นี่คือจุดเริ่มต้นของการตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนในวันนั้นที่สามารถเกิดการท่องเที่ยวที่มรผลสำเร็จไปได้มาถึง 6 ปีแล้ว พร้อมกับการเอาแนวคิดงานวิจัยไปพัฒนาต่อยอดให้กับชุมชนไกล้เคียงและกำลังก้าวไปสู่ปีที่ 7 กับการขยายแนวคิดไปอีกหนึ่งชุมชนไกล้เคียง ซึ่งอาจถือได้ว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอนประสบผลสำเร็จในการจัดการการตลาดพร้อมกับการพัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในความเป็นเจ้าของด้วยกันเกือบทุกคนในเวลานี้ อาจเรียกได้ว่ากลายเป็นการท่องเที่ยวมหาชนจำกัดในชุมชนบ้านผาหมอนไปแล้วก็เป็นได้

เมื่อย้อนกลับมายังก้าวแรกของจุดเริ่มต้นของการหาพันธมิตรทางการตลาด ชุมชนบ้านผาหมอนถือได้ว่าเป็นชุมชนที่โชคดีที่ไม่ต้องเดินไปไกลหลายกิโลไมล์เพื่อแสวงหาการตลาดด้วยตัวเองให้เหน็ดเหนื่อยกับกลยุคทางการตลาดแต่อย่างใด

พันธมิตรทางการตลาด T.A. Siam Autrement Co., Ltd โดย Mr.Ben Lefetey เป็นบริษัททัวร์บริษัทเดียวที่ชุมชนให้ความไว้วางในต่อการทำงานร่วมกันกับการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมอน ด้วยอุดมคติที่ต่างยึดถือและให้แก่กันคือ “ไม่เอาเปรียบ ไม่ขี้โกง พูดกันตรงไปตรงมา ทำงานอยู่ความซื่อสัตย์ต่อกัน” จึงทำให้การทำงานไปได้ราบรื่นเสมอมา

หากเราย้อนมามาดูที่กระบวนการจุดเริ่มต้นแสวงหาพันธมิตรแล้ว ขั้นตอนต่างๆถูกการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ตลอดระยะงานวิจัยหนึ่งปีครึ่งนั่นคือการค้นคำหาตอบที่ตรงต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคตรงตามความต้องการของตลาดนั่นเอง

ช่วงระยะงานวิจัยนั้นก็ต่างทำหน้าที่ค้นหาข้อดีข้อเสียของชุมชนต่อเนื่อง เมื่อมาถึงระยะหนึ่งพันธมิตรทางการตลาดก็แวะเวียนเข้ามาหาพร้อมกับจัดเวทีเสวนาเล็กแลกเปลี่ยนข้อมูลให้แก่กัน เช่น บริษัททัวร์ถามถึงขีดความสามาราถในการรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นชุมชนมีแนวทางรองรับอย่างไร กรอบทางวัฒนธรรมชุมชนปกาเก่อญอนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์ควรถือปฎิบัติเช่นไร และอีกหลายๆหัวข้อในเวทีแลกเปลี่ยน

จุดเชื่อมต่อการทำงานในจุดเริ่มต้นอีกประการหนึ่งคือ “คนกลาง” ชุมชนบ้านผาหมอนนั้นมีนายสุรสิทธิ์ ดลใจไพรวัลย์ หัวหน้าโครงการวิจัย ที่พอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นกลไกเชื่อมต่อการการสื่อสารระหว่างกันเป็นแกนกลางอีกทีในการแปลการประสานงาน เพื่อสร้างความเข้าใจของกันและในเนื้อหาสาระของการสื่อสาร

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ในช่วงที่ระยะเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนั้น ทั้งชุมชนและพันธมิตรทางการตลาดต่างมิได้ได้เอ่ยถึงจำนวนเงินหรือจำนวนนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ชุมชนยังไม่อยากจะคุยถึง ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจต่อกันและกันให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจในทิศทางของการจัดการกับคำว่า “ท่องเที่ยว” โดยมีแนวทางของชุมชนเป็นตัวกำหนดให้บริษัททัวร์ต้องปฏิบัติตามแนวทางของชุมชนอย่างแข็งขัน ถือได้ว่ากระบวนการสร้างความเข้าใจนั้นมีความสำคัญต่อกันและกันเป็นอย่างมาก

ถือได้ว่ากระบวนการสร้างความเข้าใจต่อกันเพื่อนำพาตนเองไปสู่ทิทางการตลาดอย่างเหมาะสมนั้น เป็นจุเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันและถือเป็นแนวทางในการบริหารงานร่วมกับชุมชน คีย์เวิร์ดสำคัญอีกประการหนึ่งคือคนกลางที่สามารถเชื่อมต่อกับชุมชนและพันธมิตรทางการตลาดได้

และเนื้อหางานวิจัยที่ทีมวิจัยทำมานั้นเป็นกลไกจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาทิศทางการตลาดที่เหมาะสมรวมถึงแนวทางทางความคิดที่เป็นบวกต่อชุมชนของตนเอง จุดเริ่มต้นที่เข้มแข็งและก้าวไปในทิศทางที่ต้นเองวางไว้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การทำงานร่วมของสองฝ่าย ชุมชนและพันธมิตรทางการตลาดเดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพจนถึงทุกวันนี้

++++++++++++++