CBT.- การท่องเที่ยวโดยชุมชน

จาก “ความรู้” สู่หมู่บ้านท่องเที่ยว

            บ้านแม่กำปองตั้งอยู่บนภูเขาสูง  ผืนป่ารอบหมู่บ้านป่าเขตร้อน   มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  อันได้แก่ น้ำตก  แม่กำปอง น้ำตกธารทอง  ตลอดจนสวนเมี่ยงที่ปลูกลดหลั่นไว้ตามไหล่เขา 

            และความสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้นเอง ทำให้นักท่องเที่ยวพากันเข้ามาพักผ่อน ชมธรรมชาติของหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้านแม่กำปองเปิดหมู่บ้านให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ ต้นไม้ต้นพืชถูกทำลายจากการเหยียบย่ำ และการเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกอาจทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนไป

            ชาวบ้านแม่กำปองจึงตระหนักว่า หากไม่มีรูปแบบในการจัดการท่องเที่ยว หรือ มีกฏเกณฑ์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาได้ปฎิบัติแล้ว  ทรัพยากรของหมู่บ้าน รวมทั้งสังคม วัฒนธรรมของคนในหมู่บ้านจะต้องเปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการเพื่อนำไปสู่การจัดการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ

หาความรู้

หาเงื่อนไขสำคัญของชุมชนในการจัดการท่องเที่ยว

            ในขั้นต้น  ชาวบ้านแม่กำปองใช้กิจกรรมการวิจัยในหัวข้อ “รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืน  บ้านแม่กำปอง”  เป็นเครื่องมือในการจัดการ  เพื่อให้มีการประชุมระดมความคิดของชาวบ้านที่ตั้งชุมชนกระจายอยู่เป็นกลุ่ม ๆ นำไปสู่การร่วมมือกันของชาวบ้านในหมู่บ้านทั้ง ๖ ป๊อก หรือปาง

            จากนั้นมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้เรื่องการวิจัยโดยชุมชนมีส่วนร่วม  ชี้แจงวัตถุประสงค์และวิธีการดำเนินงานวิจัยต่อที่ประชุมในปางต่าง ๆ  ทั้ง ๖  แห่ง  โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้คณะผู้วิจัยช่วยกันรับผิดชอบ  และจัดประชุมชาวบ้านในวันพระซึ่งชาวบ้านว่างจากการงาน แล้วคัดเลือกตัวแทนจากแต่ละปางร่วมเป็นคณะกรรมการท่องเที่ยวของหมู่บ้านอีก ๓๔ คน   เข้าร่วมทำงานกับคณะผู้วิจัยและวางแผนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของหมู่บ้าน   พร้อมกันนี้ ชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในหมู่บ้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว  และร่วมกันออกกฎระเบียบ  ข้อกำหนด  สำหรับให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวยึดเป็นแนวปฏิบัติ    อีกทั้งยังได้ช่วยกันคิดหาแนวทางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าใจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  และเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์  โดยใช้สื่อสาธารณะต่าง ๆ  ทั้งแผ่นพับ แผ่นป้าย วารสาร   และเสียงตามสาย

            ชุมชนแม่กำปองใช้ “กระบวนการวิจัย” ค้นหาความรู้ที่ซุกซ่อนอยู่ในชุมชน  ซึ่งจากการทำงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของคนทั้งชุมชน และชาวบ้านแม่กำปองก็พบว่ามีความรู้มากมายก่ายกองที่คนทั้งชุมชนจะนำออกมาใช้ …เช่น 

·        ความรู้ด้านบริการท่องเที่ยว

ชาวบ้านแม่กำปองได้ร่วมกันพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในชุมชน  เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  ด้วยการพัฒนาเส้นทางขึ้นไปยังน้ำตก   ต่อเติมขั้นบันไดขึ้นไปจนถึงน้ำตกชั้นบนสุด  จัดทำแอ่งเล่นน้ำในน้ำตกชั้นต่าง ๆ ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์บริเวณน้ำตก  ปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิด  จัดทำลานจอดรถ   นำถังขยะมาตั้งในบริเวณแหล่งท่องเที่ยว  และปรับปรุงห้องน้ำให้มิดชิดและสะอาด  รวมทั้งร่วมมือร่วมใจกันรักษาคุณภาพน้ำตกและลำธารให้ใสสะอาด 

  • ความรู้ด้านตลาดการท่องเที่ยว 

            ชุมชนพื้นที่วิจัยบ้านแม่กำปองมีความต้องการที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ให้เป็นธุรกิจสร้างรายได้เสริมให้ชุมชน  ควบคู่ไปกับรายได้จากการทำสวนเมี่ยงและกาแฟ  แต่ว่าในเชิงปฏิบัติ  ชุมชนยังไม่มีการจัดการด้านการตลาดที่มีคุณภาพ    แต่มีความพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว  ทั้งในลักษณะของการเดินทางมาเที่ยวแบบไป – กลับในวันเดียว  และการเข้ามาตั้งเต๊นท์บนดอย  รวมทั้งในรูปแบบของการเข้ามาพักกับชาวบ้านแบบโฮมสเตย์

  • ด้านความสามารถในการรองรับของธรรมชาติด้านกายภาพ

พื้นที่บ้านแม่กำปองเป็นชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ   มีบ้านเรือนตั้งเป็นกลุ่มริมน้ำแม่กำปอง    ร้อยละ  ๙๘ ของพื้นที่รอบหมู่บ้านเป็นภูเขาและเนินเขา เชื่อมต่อกับผืนป่าเขตอุทยานแห่งชาติ   มีความสูงประมาณ ๑,๓๐๐ เมตรรทก. (ระดับน้ำทะเลปานกลาง)    พื้นที่ป่าเขารอบชุมชนเป็นแหล่งปลูกเมี่ยง มีอากาศดี  ทัศนียภาพสวยงาม และเป็นพื้นที่ปลอดมลพิษมลภาวะ   ส่งผลให้ปัจจุบันมีนักธุรกิจและคนต่างถิ่น  เข้าไปซื้อที่ดินปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนแบบรีสอร์ทเพิ่มมากขึ้น   และมีนักธุรกิจบางรายเข้าไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำไร่หรือสวนเกษตร  ในอนาคตอาจส่งผลให้มีการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มมากขึ้น  และเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ที่ประชุมชาวบ้านแม่กำปองได้มีมติ  ขอร้องมิให้ชาวบ้านขายที่ดินของตนอีก

  • ความสามารถที่จะรองรับได้ทางนิเวศ

ตลอดช่วงที่ผ่านมา  ชาวบ้านแม่กำปองดำรงชีวิตแบบชาวสวนเมี่ยง  และดำรงไว้ซึ่งวิถีวัฒนธรรมการผลิตเมี่ยง คือ เก็บใบเมี่ยงมาหมัก  แล้วจำหน่ายไปยังชุมชนโดยรอบ  การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในหมู่บ้านเป็นการต่อยอดการพัฒนาจากฐานรากอย่างแท้จริง  นั่นคือ  สอดคล้องเหมาะสมกับระบบนิเวศย่อย   และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในทางตรงกันข้าม   กลับจะยิ่งก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการรักษาดุลยภาพของระบบนิเวศ อยู่กับป่าได้อย่างมีดุลยภาพ

บทเรียนที่ได้จากการดำเนินโครงการวิจัย

  • กระบวนการเรียนรู้  ชาวบ้านแม่กำปองใช้ฐานทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน  คือ ป่าเมี่ยง  และวัฒนธรรม

ธรรมชุมชนที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาการผลิตเมี่ยงมาเป็นปัจจัยหลักของการท่องเที่ยว  ได้นำไปสู่การเรียนรู้ร่วมกันในเรื่องการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน    อันเป็นการต่อยอดการพัฒนาจากฐานความรู้ที่มีอยู่เดิม 

การที่ระบบนิเวศย่อยของพื้นที่เป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางนับพันเมตร เหมาะสมกับการปลูกเมี่ยงและกาแฟ การนำเอาป่าเมี่ยงและไร่กาแฟซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่มีอยู่  มาพัฒนาให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมชน เป็นการดำเนินความพยายามของชาวบ้านแม่กำปอง  ที่จะเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ในเรื่องการท่องเที่ยวเที่ยวเชิงนิเวศ  และปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่  โดยร่วมมือกับหน่วยงาน / องค์กรต่างของรัฐในพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้บังเกิดผลในเชิงปฏิบัติ 

  • กระบวนการมีส่วนร่วม  ในกระบวนการพัฒนาชุมชนบ้านแม่กำปองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง

นิเวศ  คณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้านได้ร่วมมือกันตั้งเป็นคณะวิจัย  โดยมีผู้ใหญ่บ้านแม่กำปองเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย  และมีนักวิจัยในหมู่บ้านอีก ๘ คน  อันได้แก่  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแม่กำปอง  ๓ คน และชาวบ้านแม่กำปองอีก ๒ คน  นอกนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแม่กำปอง สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแก้ว  และประธานประชาคมหมู่บ้านแม่กำปอง 

สรุป

  • พื้นที่ตั้งชุมชนมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๑,๓๐๐ เมตร  มีความหลาก

หลายทางชีวภาพสูง  มีพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด  และเป็นแหล่งปลูกเมี่ยงและกาแฟที่สำคัญ  แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่  ชาวบ้านแม่กำปองมองเห็นประโยชน์ของฐานทรัพยากรที่มีอยู่  จึงนำเอาป่าเมี่ยงและไร่กาแฟมาพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมชน

  • ชาวบ้านแม่กำปองดำเนินความพยายามที่จะนำเอาองค์ความรู้ใหม่ในเรื่องการท่องเที่ยวเที่ยวเชิงนิเวศ  มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ของชุมชน  ซึ่งเป็นป่าเขามีอากาศหนาวเย็น  เป็นแหล่งปลูกเมี่ยงและกาแฟที่สำคัญของเมืองเชียงใหม่   เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ  เป็นการสร้างรายได้ต่อชุมชน 
  • การที่ชาวบ้านแม่กำปองทั้ง ๖ ปาง  ได้เข้าร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างจริง

จัง    เป็นการพัฒนาศักยภาพชาวบ้าน  ให้เข้าถึงองค์ความรู้เรื่องระบบนิเวศย่อยและวัฒนธรรม      ชุมชนของหมู่บ้านป่าเมี่ยง   เพื่อรองรับการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น “มัคคุเทศก์ท้องถิ่น” ต่อไปในอนาคต   สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในวัฒนธรรมชุมชนป่าเมี่ยง  กับบรรดานักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวได้เป็นอย่างดี  นอกเหนือจากการนำทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติในท้องถิ่น

  • ชาวบ้านแม่กำปองมีความคิดเห็นว่าเยาวชนมีความสำคัญ  ในการปลูกสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และเพื่อให้บังเกิดผลในเชิงปฏิบัติอย่างแท้จริง  ควรมีการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง  เพื่อให้เยาวชนได้ศึกษาค้นคว้าเรียนรู้  และให้ชาวบ้าน  ครู  และนักเรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน 
  • ชาวบ้านแม่กำปองมีความตั้งใจที่จะใช้กระบวนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน  และกระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม  ด้วยการออกกฎระเบียบและแนวทางการใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรที่ชุมชนมีอยู่   เอื้อต่อการเสริมสร้างความเข้าใจ  และร่วมมือกันของคนในชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ   และรักษาดุลยภาพของระบบนิเวศ  อันเป็นต้นทุนที่ชุมชนมีอยู่เดิมให้มีความมั่นคง  และพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนต่อไป

++++++