การใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการหนอนไม้ไผ่ (คิเบาะ) และกบ (เดะบือ)
โครงการการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการหนอนไม้ไผ่ (คิเบาะ) และกบ (เดะบือ) ให้มีความยั่งยืน บ้านแม่ยางส้าน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
หัวหน้าโครงการ : คุณไกรสีห์ กล้าณรงค์ขวัญ และคุณทองคำ โพแก้ว
ความเป็นมา
ชุมชนปกาเกอะญอ บ้านแม่ยางส้าน หมู่ที่ 8 ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตมีป่าไผ่และป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยพันธุ์พืชและสัตว์ที่หลากหลาย ต่อมาเมื่อคนในชุมชนเริ่มหันมาใช้ประโยชน์หากินจากป่ามากขึ้น มีการทำไร่ฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย และมีการสนับสนุนจากภาครัฐให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว จึงทำให้ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ถูกทำลาย สัตว์ป่าที่เคยมีอยู่ก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว การที่ป่าถูกทำลายอย่างรุนแรง ส่งผลให้หนอนไม้ไผ่ (คิเบาะ) และ กบ (เดะบือ) เริ่มหายไปจากพื้นที่ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย และส่วนหนึ่งได้ถูกชุมชนจับไปบริโภคมากขึ้น เนื่องจากชุมชนได้หันมาให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจในครอบครัว ไม่ค่อยมีความเชื่อเรื่องผีป่าดังในอดีตที่ผ่านมา

จากปัญหาที่เกิดขึ้น ชุมชนได้มีการตั้งกฎเกณฑ์ของชุมชน และแบ่งสัดส่วนการใช้ประโยชน์พื้นที่ของหมู่บ้านออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ป่าอนุรักษ์ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกบ “เดะบือ” และแมลงหนอนไม้ไผ่บางส่วน 2) ป่าใช้สอย ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และกบ “เดะบือ” บางส่วนที่อยู่ตามริมห้วย 3) พื้นที่ทำกิน ประกอบด้วยพื้นที่ทำไร่ พื้นที่สวน และที่นา โดยแต่ละพื้นที่จะมีคณะกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งของชุมชนรับผิดชอบอยู่ ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษาทั้งทางด้านปรัชญากวีและพิธีกรรม คอยกำกับดูแลมิให้คนบุกรุกป่า ตลอดจนจัดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการป่า หนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และกบ “เดะบือ” อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปัจจุบัน ป่าอนุรักษ์และป่าใช้สอยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น แต่หนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และกบ “เดะบือ” ยังมีปริมาณน้อยมาก ทั้งนี้ เนื่องจากชุมชนขาดความรู้ในการจัดการในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการศึกษาภูมิปัญญาในการอยู่ร่วมกันระหว่างป่าไผ่กับหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และแหล่งน้ำกับกบ “เดะบือ” และการหาวิธีจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และกบ “เดะบือ” ให้เป็นอาหารของชุมชน และเป็นแหล่งรายได้เสริมอีกทางหนึ่งของชุมชนในอนาคตต่อไป
- คำถามการวิจัย
ชุมชนจะมีวิธีการจัดการอย่างไร เพื่อให้ป่าไผ่มีหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และในแหล่งน้ำมีกบ “เดะบือ” เพียงพอแก่ความต้องการของชาวบ้าน
- วัตถุประสงค์
- เพื่อกระตุ้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการศึกษาและหาวิธีจัดการเกี่ยวกับป่าไผ่และแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และกบ “เดะบือ”
- เพื่อค้นหาแนวทางการจัดการเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของหนอนไม้ไผ่ “คิเบาะ” และ กบ “เดะบือ” พร้อมทั้งหาวิธีการในการขยายพันธุ์ให้มีมากขึ้น
- สร้างจิตสำนึกให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาพื้นบ้านเกี่ยวกับกบ “เดะบือ” หนอนไม้ไผ่ที่สัมพันธ์กับป่าและแหล่งน้ำ
- พื้นที่ดำเนินการวิจัย
บ้านแม่ยางส้าน หมู่ที่ 8 ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

- ผลการวิจัย
ชุมชนได้เรียนรู้ถึงคุณค่าความหมายของภูมิปัญญาในการอยู่กับธรรมชาติอย่างเข้าใจมากขึ้น มีการส่งผ่าน ข้อมูลความรู้ระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ผลจากการได้เข้าร่วมกิจกรรมในเรื่องของการศึกษาวงจรวิถีชีวิตของหนอนไม้ไผ่และกบเดะบือ ทำให้คนในชุมชนได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ในวงจรชีวิตแต่ละช่วงของหนอนไม้ไผ่และกบเดะบือ รู้วิธีการตัดไม้ไผ่เพื่อเอาหนอน รู้จักการรักษาขยายพันธ์ให้มีมากขึ้น โดยไม่ส่งผลบกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่เดิม และจับกบเดะบืออย่างรู้เท่าทันมากขึ้น อนุรักษ์แหล่งน้ำ, หนองน้ำที่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้เพื่อรักษากบ รักษาผีน้ำ ถ้ากบมี น้ำจะมี ประการสำคัญจากผลการวิจัยที่ได้ทำให้เห็นถึงความยั่งยืนของ - ชุมชนคือ การได้ฟื้นฟู “ฮีโข่” ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากเพราะฮีโข่ถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวปกาเกอะญอบ้านแม่ยางส้าน กบมี น้ำมี กบตาย น้ำแห้ง ตัดไผ่ไม่เป็น ตัดวงจรของหนอนไม้ไผ่ ไผ่หมด ไผ่ตาย คนไม่ได้ใช้ไม้ไผ่ คนไม่ได้เก็บหนอนไม้ไผ่ ชุมชนไม่มีผู้นำทางจิตวิญญาณ ชุมชนขาดหลักชีวิตในการยึดเหนี่ยวชุมชนไร้ความสามัคคี

- ผลที่เกิดกับนักวิจัย และทีมวิจัย
- นักวิจัยสามารถใช้วิธีการสังเกต จดบันทึก แยกประเด็นปัญหา วิเคราะห์ปัญหา วางแผนการดำเนินงาน และ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนได้เป็นระบบมากขึ้น สามารถค้นหาวิธีการดึงชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น สามารถค้นหาวิธีการดึงชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นบนพื้นฐานของปัญหาชุมชนที่เรื้อรังมานาน เมื่อจัดวางกลไกการทำงานให้เข้ากับสภาพปัญหาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างถาวรในอนาคต ทั้งนี้จะขอยกตัวอย่างรายละเอียดในแต่ละประเด็น ดังนี้
- วิธีการสังเกต คือ ทีมวิจัยเห็นความแตกต่างของชุมชนในด้านวิสัยทัศน์ ความคิด และผลประโยชน์ ฉะนั้นวิธีการแก้ไขคือแบ่งชุมชนออกเป็น 3 ระดับ หรือ 3 กลุ่ม เพื่อง่ายแก่การศึกษาวิจัยและค้นหา กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เล็งเห็นผลประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง กลุ่มที่ 2 กลุ่มปานกลาง คือ ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นค้านหรือเห็นด้วย (จะเอาอย่างไรก็ได้) กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่มักจะขัดแย้งหรือค้านทุกเรื่อง
- การฟื้นฟูฮีโข่ (ผู้นำทางจิตวิญญาณ) ซึ่งหายไป 20 กว่าปี สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้เพราะทีมวิจัยเห็นว่าชุมชนใดๆ ก็ตามที่ปกครองด้วยผู้นำทางการไม่เพียงพอจะต้องมีผู้นำทางจิตวิญญาณ
- การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาวิจัยแบบชาวบ้าน โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ทั้งนักวิจัย ทีมวิจัยก็เป็นคนในชุมชนทั้งหมด ผลการศึกษาวิจัยสามารถสรุปแนวทางในการค้นหาการมีส่วนร่วมของชุมชน ได้ดังนี้
- รับฟังความคิดเห็นของชุมชน และช่วยกันวิเคราะห์ความคิดเห็นของแต่ละคน ที่เห็นว่าดีก็นำมาใช้ และที่สำคัญก็ต้องเปรียบเทียบความคิดของทีมงานกับคนที่เสนอความคิดเห็น และมาคัดกรองจะเห็นได้ว่าความคิดของเราใช่ว่าจะถูกเสมอไป ต้องฟังคนอื่นด้วย
- ศึกษาสภาพป่าการขยายพันธุ์ของหนอนและกบ การคำนวณหาปริมาณของหนอน การทดลองเพาะเลี้ยงหนอน – กบ การศึกษาวงจรชีวิตของหนอน – กบ การดึงความสนใจของคนในชุมชนให้เห็นถึงมูลค่าของทรัพยากร
- ชุมชนเกิดแนวทางการจัดการเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของหนอนไม้ไผ่และกบเดะบือให้อยู่คู่กับชุมชนและเกิดความคิดของชุมชนให้มีการรักษาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของหนอนไม้ไผ่ และกบเดะบือให้เพิ่มมากขึ้น ตลอดถึง
ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการค้นหาประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านที่คนเฒ่าคนแก่หรือในอดีตที่ผ่านมาให้มาใช้กับชีวิตประจำวัน และประพฤติปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของหมู่บ้านอย่างถูกต้อง และชุมชนเกิดการตระหนักถึงความสำคัญในการนำภูมิปัญญาความรู้พื้นบ้านที่มีมาใช้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนในแนวทางการจัดการทรัพยากรร่วมกัน เช่น ชุมชนเริ่มหวงแหนดินน้ำป่าให้มากขึ้น มีความรักและเกิดความคิดที่จะจัดการกับทรัพยากรในชุมชนให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันดับไฟป่า การไปทำแนวกันไฟ การออกตระเวรไปดูป่า การหาหลักเขตปูวางแนวของไร่เพื่อไม่ให้การขยายพื้นที่ให้มากขึ้น หรือรู้จักการเก็บหนอนไม้ไผ่ให้ถูกวิธี (โดยที่ไม่ให้ไผ่นั้นเสีย และไผ่ลำที่หนอนเข้าไปกินเยื่อไผ่ลำนั้นนำออกมาใช้อย่างอื่นได้อยู่) และรู้จักการรักษาหรืออนุรักษ์หนอนไม้ไผ่ และกบเดะบือตามป่าไผ่และในลำห้วยที่สำคัญบางจุดที่มีความสำคัญของชีวิตประจำวันของชาวบ้านเพื่อจะให้หนอน – กบ และป่าไผ่และกบเดะบือขยายพันธุ์ให้มากขึ้น

- ผลการวิจัยต่อชุมชน
- ชุมชนเกิดแนวทางการจัดการเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของหนอนไม้ไผ่และกบเดะบือ
- เกิดการตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการนำภูมิปัญญาความรู้พื้นฐานและพื้นบ้านที่มีมาใช้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนในแนวทางการจัดการทรัพยากรร่วมกัน
- คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการค้นหาวิธีการจัดการเกี่ยวกับป่าไผ่ให้มีหนอนไม้ไผ่ ในหนองน้ำให้มีกบเดะบือและมีน้ำไหล
- ชุมชนรู้จักจัดการเก็บรักษา การปฏิบัติในเรื่องหนอนไม้ไผ่และกบเดะบืออย่างถูกวิธี
- ชุมชนได้เรียนรู้ถึงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของชุมชนและเกิดการมีส่วนร่วมกันคิดการทำงานร่วมกันมากขึ้น

- ปัจจัยสู่ความสำเร็จของโครงการ
- พี่เลี้ยง สกว.
พี่เลี้ยงสกว. จะเป็นที่ปรึกษา และให้ข้อแนะนำด้านการเขียนรายงาน เพราะว่าการศึกษาวิจัยเป็นการศึกษาวิจัยแบบชาวบ้าน ซึ่งไม่สามารถเขียนรายงานในแบบวิชาการได้ ดังนั้น พี่เลี้ยงจะเป็นผู้ให้คำ แนะนำ เป็นที่ปรึกษาตลอดช่วงเวลาที่ทำวิจัย โดยการทำกิจกรรมทุกครั้ง ทีมวิจัยจะทำการประชุมกันก่อน สิ่งใดที่ไม่เข้าใจก็จะปรึกษาพี่เลี้ยงทันที - หน่วยงานต่างๆ
ในการทำกิจกรรมที่มีการประชุม หรือจัดเวทีชาวบ้านทีมวิจัยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อที่ว่าจะได้รับข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำ และทีมวิจัยก็จะนำข้อมูลหรือข้อแนะนำจากหน่วยงานมาปรับใช้ในการจัดกิจกรรมของโครงการ - ปัญหาร่วมของชุมชน
ก่อนที่จะเขียนโครงการขอรับการสนับสนุนจาก สกว. ทีมวิจัยได้มีการจัดเวทีพูดคุยในที่ประชุมของชุมชนก่อนว่าหมู่บ้านมีปัญหาอะไรบ้าง ที่เป็นปัญหาของชุมชน และส่งผลกระทบให้กับชุมชน เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งคนในชุมชนส่วนใหญ่เห็นว่า เรื่องของหนอนไม้ไผ่และกบเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแก้ไขหรือจัดการโดยเร่งด่วน ดังนั้นโครงการวิจัยนี้จึงเกิดจากการเห็นถึงความสำคัญร่วมกัน เป็นปัญหาร่วมของชุมชนที่ทุกคนอยากแก้ปัญหา
- กระบวนการของชุมชน
กระบวนการของชุมชนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่ทำให้งานก้าวสู่เป้าหมายในความสำเร็จ ฉะนั้นในเมื่อโครงการนี้เป็นปัญหาทั้งชุมชนก็ทำให้เกิดกระบวนการขึ้นมาเอง แต่ก็มีอยู่บ้างที่ไม่ให้ความร่วมมือ ในช่วงแรกเลือกคนส่วนใหญ่ไว้ก่อน ชี้แจงเหตุผลที่เห็นด้วยกัน ต่างคนต่างอยากจะทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน จึงเกิดวิทยากรชุมชนที่รู้เรื่องงานวิจัย ทีมวิจัยก็จะศึกษาข้อมูลและแลกเปลี่ยนกับวิทยากร มีการคืนข้อมูลให้ชุมชนได้รับรู้ไปพร้อมๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น การฟื้นฟูฮีโข่ที่หายไป 20 กว่าปี ถามว่าทำไมต้องฟื้นฟูฮีโข่ และเกี่ยวอะไรกับงานวิจัย วิทยากรชุมชนบอกว่า การรักษาป่าในอดีตต้องอาศัยความเชื่อ ซึ่งฮีโข่เป็นผู้นำเป็นตัวควบคุมสังคมหรือว่าชุมชน ในเมื่อความเชื่อถูกลบ ต้องฟื้นขึ้นมา ทีมวิจัยได้นำไปปฏิบัติตาม ก็ค้นพบว่าการรื้อฟื้นฮีโข่ขึ้นมาทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก และเป็นที่พอใจของชุมชนด้วย
- ข้อเสนอในการเคลื่อนงานต่อ
- ทำฝายดักตะกอนในพื้นที่ป่าต้นน้ำเพิ่ม เนื่องจากการทำฝายดักตะกอนเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสัตว์น้ำทุกชนิดมาก และอีกส่วนหนึ่งเป็นประโยชน์กับต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ ฝายด้วย เพราะแม่น้ำที่อยู่ในเขตชุมชนบ้านยางส้านจะเป็นแม่น้ำเล็กๆ และส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลาดชัน เมื่อถึงช่วงฤดูร้อนน้ำก็จะซึมเข้าไปในที่ต่างๆ และจะไม่มีน้ำขังให้สัตว์น้ำอยู่ โดยเฉพาะกบเดะบือ ซึ่งทีมวิจัยและชุมชนได้เห็นประโยชน์อย่างชัดเจนในการทำวิจัยช่วงสุดท้าย
- จัดหาสถานที่ “ป่าชาวบ้าน อาหารชุมชน” ในเขตพื้นที่ชุมชนบ้านยางส้าน หมู่ 8 ต.ท่าผา เนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้น อาหารในป่าลดลงและมีอาหารบางอย่างสูญพันธุ์ไปแล้ว วัตถุประสงค์ของการทำพื้นที่ป่าชาวบ้าน อาหารชุมชน คือ เพื่อลดการหาของป่าให้น้อยลง เช่น หนอน กบ พืชผัก สมุนไพร และเพิ่มสภาพป่าและน้ำให้ยั่งยืนต่อไป
- ขยายผลงานวิจัยให้หมู่บ้านใกล้เคียง 2 – 3 หย่อมบ้าน เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าวก็มีปัญหาเหมือนกับชุมชนบ้านยางส้าน และข้อมูลของงานวิจัยที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งที่เก็บจากหมู่บ้านเหล่านี้ และได้รับความร่วมมือด้วยดีมาโดยตลอด และนักวิจัยก็มีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้นการขยายผลสู่หมู่บ้านอื่นจึงเป็นงานที่ต้องทำโดยนำเอารูปแบบโครงการวิจัยเดิมมาปรับใช้
- งานจักสาน เป็นประเด็นที่ต่อยอดจากกิจกรรมหนอนไม้ไผ่ที่ผ่านมา เนื่องจากงานจักสานเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิม และมีประโยชน์แก่ชุมชนมาก แต่คนสมัยนี้เริ่มละทิ้งภูมิปัญญาของตนเอง และหันมาใช้ของภายนอก ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือนักเรียน นักศึกษาที่เรียนหนังสืออย่างเดียวแต่กลับลืมภูมิปัญญาในอดีต ทีมวิจัยคิดว่าสิ่งเหล่านี้หากไม่มีการฟื้นฟู ไม่เรียนรู้ ไม่ส่งเสริมก็จะหายไปจากชุมชน ดังนั้นจึงควรฟื้นฟูภูมิปัญญาให้กลับคืนสู่ชุมชนโดยเร็ว

♥ กิจกรรมที่ชุมชนดำเนินงานต่อหลังจากจบโครงการ
- รวบรวมองค์ความรู้ด้านพิธีกรรมของฮีโข่
- เสนอโครงการเพื่อของบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ เช่น โครงการฝายดักตะกอนจากอำเภอ เป็นต้น
- พัฒนาสินค้าชุมชน “หนอนรถด่วนอบแห้ง” ร่วมกับกลุ่มแม่บ้านอ.แม่แจ่ม (ยังไม่ได้เริ่ม)