การเตรียมคนฐานรากเพื่อเข้าสู่เมืองไทย 4.0
บัญชร แก้วส่อง : อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น
การวิจัยเพื่อท้องถิ่นเป็นการวิจัยที่ดำเนินการโดยชาวบ้าน มีเป้าหมายเพื่อการสร้างคน สร้างความรู้ และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับท้องถิ่น
การสร้างคนในมุมมองการวิจัยเพื่อท้องถิ่นคือการสร้างนักวิจัยที่เป็นพุทธะ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้รู้ เป็นผู้เบิกบาน นั่นคือนักวิจัยที่มีประมาณ 20-30 คน ต่อประเด็นนั้น ต้องลงมือทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหาของชุมชนเอง ทำความเข้าใจในเหตุแห่งปัญหานั้น ๆ และลงมือปฏิบัติการร่วมกันเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้องการ ดังนั้นนักวิจัยจึงเป็นผู้มีสติ ตื่น รู้ ในเรื่องราวที่ตนเองวิจัย และเนื่องจากงานวิจัยชาวบ้านเป็นการค้นหาแนวทางการแก้ปัญหาของชาวบ้านเอง เมื่อเกิดการแก้ปัญหาได้ ก็จะเกิดการเบิกบานโดยทั่วหน้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้ได้รับผลจากการวิจัยในวงกว้าง
การสร้างความรู้ท้องถิ่นอาจจะเรียกว่าเป็นการสร้างธรรมะ เป็นความรู้ที่อิงอาศัยกับฐานชีวิตด้านต่าง ๆ ของชุมชนที่มีฐานจากระบบนิเวศน์วัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งในเบื้องต้นมักเป็นความรู้บนฐานประสบการณ์และภูมิปัญญาที่มีในท้องถิ่น แต่ในหลายครั้ง ๆ เรามักจะพบว่าประสบการณ์และภูมิปัญญาเดิมที่มีนั้นอาจไม่เพียงพอต่อการตอบปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น จึงต้องมีการศึกษาดูงานหาความรู้ใหม่มาประยุกต์หรือปรับใช้ หรือบางครั้งก็ใช้ความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ร่วมกับความรู้เดิม ช่วยให้ได้วิธีการแก้ปัญหาใหม่ที่สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ใหม่
การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับท้องถิ่นที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชนหรืออาจจะเรียกว่าการสร้างสังฆะ ที่ก่อให้เกิดกลไกของชุมชนลุกขึ้นมาร่วมกันจัดการปัญหานั้น ๆ เกิดพลังกลุ่มที่ร่วมกันทำงานที่เข้มแข็งโดยมุ่งต่อการจัดการกับปัญหาที่เผชิญอยู่ในหลายพื้นที่พลังที่เกิดขึ้นเป็นพลังของเครือข่ายเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในหลายพื้นที่หรืออาจจะพูดได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่การเคลื่อนไหวทางสังคมดังกล่าวยังเป็นพลังที่ต่อเนื่องถึงแม้ว่าโครงการวิจัยจะสิ้นสุดไปแล้วก็ตาม
จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเมื่อมองเชิงลึกต่อไปพบว่า คุณลักษณะของนักวิจัยเพื่อท้องถิ่นที่เกิดขึ้นจากกระบวนการวิจัยนั้นมีทักษะพื้นฐานในด้านการคิด การวิเคราะห์บนฐานข้อมูล มีทักษะการเก็บรวบรวมข้อมูล บางคนมีทักษะในการจัดการโครงการ การจัดการการเงิน บางคนเกิดทักษะทางภาษาโดยเฉพาะการเขียนเพิ่มขึ้น ในกลุ่มนักวิจัยหลายคนเกิดทักษะและการเรียนรู้การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการรายงานการวิจัย เหล่านี้เป็นทักษะในเชิงเทคนิคที่เกิดขึ้นกับนักวิจัย แต่ทักษะที่น่าสนใจคือทักษะทางสังคมที่เกิดขึ้น เช่น การทำงานร่วมกันกับคนอื่น การประสานความร่วมมือกับนักวิชาการหรือคนภายนอก การประสานติดต่อหน่วยงาน การเจรจาต่อรองกับหน่วยงานบนฐานความรู้ เป็นต้น และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นเราพบว่า คนเหล่านี้เป็นคนที่มีจิตสำนึกสาธารณะและแสดงออกในการเป็นคนที่มีจิตสำนึกสาธารณะที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น การทำงานสาธารณะที่มากขึ้น การคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมในระยะยาว การแสดงออกถึงความสุขจากการที่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ฯลฯ
ในยุค 4.0 เราต้องการคนแบบไหน คนที่มีความเก่งทางด้านเทคโนโลยี สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างรายได้ให้กับตนเองและประเทศชาติอย่างมหาศาล เราจะมีคนแบบนั้นได้กี่คน แล้วคนอื่น ๆ จะอยู่ที่ไหนกันจะมีพื้นที่ไหนให้เขายืนอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่าเหมือนกับคนเหล่านั้น
ในยุค 4.0 เราต้องการความรู้แบบไหน ถ้ามุ่งความรู้ไปในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียุคใหม่โดยไม่สนใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพื้นบ้าน แล้วชาวบ้านทั่วไปจะมีโอกาสสร้างความรู้หรือหาความรู้ที่เหมาะสมมาจัดการกับชีวิตของตนเองได้อย่างไร ชีวิตก็ต้องพึ่งพาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายนอกทั้งหมดกระนั้นหรือ แน่นอนว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยและล้ำสมัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการก้าวต่อไปข้างหน้า แต่ก็ไม่ควรทอดทิ้งความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบพื้นบ้านที่ประกอบเป็นฐานชีวิตของคนส่วนใหญ่ เพื่อให้เขาได้มีโอกาสใช้ความรู้แบบนั้นยกระดับชีวิตและเศรษฐกิจของตนเองได้ ถึงแม้จะไม่ล้ำหน้าช่วยให้ประเทศพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง (คำของใครก็ไม่รู้) ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศก็ตาม แต่ถ้าจะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังต้องให้โอกาสความรู้เหล่านี้ได้มีที่อยู่ที่ยืนเป็นทางเลือกทางออกของคนกลุ่มใหญ่ด้วย นี่คือหนทางของการไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
ทุกวันนี้รัฐเห็นความสำคัญของการพัฒนาจากฐานราก จึงได้ทุ่มเทงบประมาณเพื่อการพัฒนาลงไปที่พื้นที่โดยตรง แต่ด้วยการทุ่มเงินลงไปผิดที่ผิดทางผิดเวลา จึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนฐานรากดังที่ต้องการ น่าจะถึงเวลาหรือยังที่รัฐจะปรับทิศทางและวิธีการสร้างการเปลี่ยนแปลงของฐานรากใหม่ โดยผลักดันให้มีนโยบายการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนฐานของความรู้และนวัตกรรมที่มาจากคนฐานราก การดำเนินการดังกล่าวต้องการนโยบายการสร้างคน สร้างความรู้ และสร้างการเปลี่ยนแปลงจากฐานราก ผ่านวิธีการระบบการขับเคลื่อนสังคมร่วมกัน โดยการสร้างหนึ่งตำบล/ชุมชน หนึ่งงานวิจัย แต่การดำเนินการดังกล่าวต้องการการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์มิเช่นนั้นก็เป็นผลาญเงินของชาติโดยใช่เหตุและอาจจะเป็นการทำลายชุมชนไปในตัวด้วย
++++++++++